ปฏิทินวิชาการโรงเรียนเมืองเชลียง เดือน กุมภาพันธ์-...
ปฏิทินวิชาการโรงเรียนเมืองเชลียง เดือน กุมภาพันธ์-มีนาคม-เมษายน-พฤษภาคม 255214-15 กุมภาพันธ์นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายเข้าค่ายคณิตศาสตร์ จำนวน 150 คน 16 กุมภาพันธ์ เวลา 13.00-15.40 น. กิจกรรมอำลาพี่มัธยมศึกษาปีที่ 6 ปีการศึกษา 255120 กุมภาพันธ์ วันสุดท้ายของการส่งข้อสอบปลายภาคเรียน21-22 กุมภาพันธ์ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 สอบ o-net ที่ ร.ร.สวรรค์อนันต์วิทยา26 กุมภาพันธ์ สอบประเมินคุณภาพนักเรียน ม.2 เวลา 08.30-12.00 น.2-5 กุมภาพันธ์ สอบปลายภาคเรียนทุกระดับชั้น7-8 กุมภาพันธ์ สอบ GAT/PAT ณ โรงเรียนสุโขทัยวิทยาคม11 มีนาคม วันสุดท้ายของการส่งผลการเรียนทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ 14-18 มีนาคม รับสมัคร ม.1 และ ม.4 ประจำปีการศึกษา 2552 21 มีนาคม สอบคัดเลือกมัธยมศึกษาปีที่ 122 มีนาคม สอบคัดเลือกมัธยมศึกษาปีที่ 423 มีนาคม ประกาศผลภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 255123-27 มีนาคม ปรับปรุงผลการเรียนทุกระดับชั้น แก้ 0 ร มส ขส24 มีนาคม ประกาศผลและรายงานตัวมัธยมศึกษาปีที่ 1 25 มีนาคม ประกาศผลและรายงานตัวมัธยมศึกษาปีที่ 429 มีนาคม รายงาน ม.4 31 มีนาคม ปัจฉิมนิเทศ มอบ ปพ.1 และใบประกาศ ม.3 และ ม.64 เมษายน มอบตัว ม.15 เมษายน มอบตัว ม.411-14 พฤษภาคม จำหนายสมุด-แบบเรียน-อุปกรณ์การเรียน และครูปฏิบัติหน้าที่วันแรก13 พฤษภาคม ปรับสภาพนักเรียนใหม่15 พฤษภาคม นักเรียนทุกระดับชั้นพบครูที่ปรึกษา รับตารางสอนภาคเรียนที่ 1/2552 18 พฤษภาคม เปิดภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2552ที่มาhttp://school.obec.go.th/mclschool/เขียนโดย หนึ่งฤทัย มโหธร0 ความคิดเห็น ไฮโดรโปนิกส์ไฮโดรโปนิกส์กว่า 150 ปีมาแล้ว ที่มนุษย์เรารู้จักการปลูกพืชแบบไม่อาศัยดินโดยในเริ่มแรกนั้น มีจุดประสงค์เพียงเพื่อต้องการศึกษาว่า แร่ธาตุชนิดใดบ้าง ที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของพืช จนเมื่อปี ค.ศ.1925 ประเทศในแถบยุโรปและอเมริกา ต่างเริ่มหาทางเลือกใหม่สำหรับการปลูกพืชในโรงเรือน เพราะการเพาะปลูกแบบอาศัยดินนั้น สร้างปัญหาให้มากกมาย นอกจากนี้ในวงการวิจัยเองก็มีการตื่นตัวทำการทดลองเกี่ยวกับการปลูกพืชโดยไม่ใช้ดินเพื่อเป็นการค้าขึ้น มากระทั่งปี ค.ศ.1930 คำว่า "ไฮโดรโปนิกส์" เริ่มเป็นที่รู้จักขึ้นโดย ดร.เจอร์ริค แห่งมหาวิทยาลัยมลรัฐแคลิฟอร์เนีย ที่ได้ทำการทดลองปลูกพืชโดยใช้เทคนิควิธีการปลูกพืชในน้ำสารละลายอาหารเป็นผลสำเร็จ และนับจากนั้น การปลูกพืชแบบไม่ใช้ดินก็ได้รับการพัฒนาเรื่อยมาจนกระทั่งปัจจุบัน ไฮโดรโปนิกส์ เป็นการปลูกพืชแบบไม่ใช้วัสดุปลูก (nonsubstrate หรือ water cuture) ซึ่งเป็นลักษณะของการปลูกพืชลงบนสารละลายธาตุอาหารพืช โดยให้รากสัมผัสกับสารอาหารโดยตรงนั่นเองโดยสามารถแบ่งวิธีการปลูกได้เป็น 3 แบบ ได้แก่(คลิกเพื่อดูภาพขนาดใหญ่)NFT (Nutrient Film Technique) เป็นวิธีการให้สารละลายธาตุอาหาร มีการไหลหมุนเวียน โดยรากพืชจะได้รับสารอาหารอย่างเต็มที่ ด้วยหลักการทำงานง่ายๆ คือ ให้สารอาหารไหลผ่านรากพืช เป็นลักษณะสายน้ำบางๆ เพื่อเพิ่มออกซิเจนให้กับรากพืชโดยตรง ระบบน้ำจะหมุนเวียนกลับมาใช้งานได้ต่อเนื่อง ซึ่งวิธีการนี้เป็นที่นิยมในประเทศไทยในขณะนี้ DRF (Dynamic Root Floating Technique) เป็นระบบการให้สารอาหารแก่รากพืชโดยตรง นอกจากนี้ ยังมีการเติมอากาศด้วยการใช้ปั๊มลม ช่วยในการให้ออกซิเจน โดยรากพืชจะจุ่มอยู่ในสารอาหารโดยตรงและสามารถเคลื่อนไหวไปมาได้ หรือเรียกอีกอย่างว่า "การปลูกพืชแบบลอยน้ำ" วิธีนี้เป็นที่นิยมเพราะใช้พื้นที่เล็ก ประหยัดค่าใช้จ่าย สามารถใช้เวลาว่างปลูกเป็นงานอดิเรกDFT (Deep Flow Technique) เป็นระบบปลูกที่ให้สารละลายธาตุอาหาร ไหลผ่านรากพืชอย่างต่อเนื่องและหมุนเวียน เหมือนการปลูกพืชแช่น้ำ ซึ่งระดับน้ำจะไม่สูงนักราว 5-10 ซม. โดยน้ำจะไหลผ่านรากพืชอย่างช้าๆ สม่ำเสมอข้อดีของระบบไฮโดรโปนิกส์1.สามารถปลูกพืชได้ทั้งปี เป็นการเพิ่มมูลค่าของผลผลิตให้สูงขึ้นกว่าแบบเก่า 50-100% และยังสามารถออกแบบให้ประหยัดพื้นที่การปลูกได้ด้วย2.ดูแลได้ทั่วถึง เนื่องจากเป็นระบบที่ง่ายต่อการควบคุมและป้องกันโรคและแมลง ไม่ใช้สารเคมีกำจัดแมลง 100% และไม่มีปัญหาในการกำจัดวัชพืชในพื้นที่ปลูก ประหยัดน้ำและปุ๋ย เพราะสามารถควบคุมได้ตามที่พืชต้องการ ไม้ต้องไถพรวน3.สามารถลดการทำลายหรือชะล้างหน้าดิน มีผลผลิตสม่ำเสมอ และอายุเก็บเกี่ยวเร็วขึ้น เนื่องจากพืชสามารถนำธาตุอาหารไปใช้ได้อย่างสม่ำเสมอ ผลผลิตที่ได้มีความสะอาด สด คุณภาพดี และที่สำคัญคือ ปลอดสารพิษ สามารถพัฒนาการปลูกไปในเชิงพาณิชย์ได้ข้อเสียของระบบไฮโดรโปนิกส์4.เนื่องจากมีการดัดแปลงแก้ไขและปรับปรุงในระบบเรื่อยมา ทำให้ลดข้อเสียต่างๆ ที่เคยพบในอดีตลงไปได้มาก เช่น ข้อเสียในเรื่องของเทคโนโลยีต่างประเทศที่ราคาค่อนข้างสูง ตอนนี้สามารถใช้ภูมิปัญญาชาวบ้านดัดแปลงได้ ซึ่งผลผลิตที่ได้ก็ไม่ได้แตกต่างกัน5.ความหลากหลายของพืชที่ปลูกไร้ดิน ในระยะแรกจะปลูกเฉพาะผักต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่ แต่ในปัจจุบันนี้ สามารถปลูกได้ทั้งผักไทย ผักจีน และผักต่างประเทศ6.ผู้ปลูกต้องมีความรู้อย่างแท้จริงต่อการปลูกพืชไร้ดิน ซึ่งในปัจจุบันได้มีเอกสารแนะนำ และสามารถขอข้อมูลได้จากสำนักงานเกษตรในทุกพื้นที่ เรื่องของตลาด ในปัจจุบันไม่ถือเป็นปัญหาอีกต่อไป เพราะผู้บริโภคหันมาใส่ใจสุขภาพกันมากขึ้น ซึ่งถือว่าเป็นแนวโน้มที่ดีต่อเกษตรกรที่สนใจทำธุรกิจการปลูกพืชไร้ดินมากขึ้นที่มาข้อมูล : http://www.panoramaworldwide.comเขียนโดย หนึ่งฤทัย มโหธร 0 ความคิดเห็น
วันพฤหัสบดีที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2552
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น